Statiegeld : การจัดการสิ่งแวดล้อมที่เนเธอร์แลนด์
เนเธอร์แลนด์จัดว่าเป็นประเทศที่มีการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดีประเทศหนึ่งเลยทีเดียวค่ะ ประเทศนี้มีมาตรการหลายอย่างในการที่จะกระตุ้นในประชาชนช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม หลังจากที่เคยเขียนเล่าระบบการจัดการขยะในครัวเรือนของประเทศเนเธอร์แลนด์ไปแล้วเมื่อปีก่อน บทความตอนนี้ขอนำเสนออีกหนึ่งในการจัดการขยะอย่างแยบยลของประเทศนี้ค่ะ (มีใช้ทั่วยุโรปนะคแต่ขอเล่าเฉพาะของเนเธอร์แลนด์ประเทศเดียว ประเทศอื่นไม่มีประสบการณ์ตรง) และนั่นก็คือระบบ Statiegeld ค่ะ Statiegeld คืออะไร Statiegeld คือเงินมัดจำที่ได้คืนจากการนำขวดเปล่า เช่น ขวดเบียร์ ขวดน้ำอัดลม ไปคืนร้านค้าค่ะ –คือเวลาที่เราซื้อสินค้าเหล่านี้ เช่น เบียร์ (ขวดแก้ว) หรือซื้อเบียร์ยกลัง (ลังเป็นลังพลาสติกค่ะ) หรือซื้อน้ำอัดลมขวดพลาสติกที่มีขนาดมากกว่า 0.5 ลิตร สินค้าเหล่านี้จะบวกเงินมัดจำ Statiegeld ไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ และเราจะได้เงินจำนวนนี้คืนเมือนำขวดเหล่านี้ไปคืนร้านค้า คือระบบที่นี้ถ้าเปรียบไปกับของเมืองไทย ก็คล้ายๆ ขวดน้ำอัดลมที่เป็นขวดแก้วน่ะค่ะ ที่ร้านค้าต้องจ่ายค่ามัดจำลังและขวด ดังนั้นเวลาขาย แม่ค้าจึงขายน้ำอัดลมแบบใส่แก้ว หรือใส่ถุงใส่น้ำแข็งให้ลูกค้า ไม่ได้ขายทั้งขวด — แต่เนื่องจากระบบนี้ไม่ได้มีกับสินค้าพวกขวดเบียร์ หรือขวดน้ำเปล่า น้ำอัดลมขนาดใหญ่ ดังนั้นคนทั่วไปจึงทิ้ง กลายเป็นขยะ และก็มีอาชีพคนเก็บขยะมาคอยเก็บขยะพวกนี้ไปขายอีกต่อหนึ่ง — แต่ที่แตกต่างจากของฮอลแลนด์คือ ระบบมัดจำขวดนี้ของเมืองไทย ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมค่ะ แต่อยู่บนแรงจูงใจของการลดต้นทุนของผู้ประกอบการ ดังนั้นจึงไม่ได้ลดขยะแต่อย่างใด กลับเป็นการเพิ่มขยะถุงพาสติกอีกต่างหาก ในขณะที่ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์มีระบบเงินมัดจำ Statiegeld จึงทำให้คนดัตช์ทั่วไปที่ซื้อสินค้าเหล่านี้ ไม่ทิ้งขวดที่ใช้แล้วลงถังขยะค่ะ หากแต่จะเก็บรวบรวมไว้ เพื่อไปแลกเอาเงินมัดจำคืน — ถึงแม้เงินมัดจำจะเป็นเงินแค่น้อยนิด (เทียบกับค่าครองชีพ) แต่เหมือนเป็นจิตวิทยาน่ะค่ะ ทำให้คนไม่ทิ้งขยะขวดเหล่านั้น แต่จะเก็บไว้แลกเงินคืน สินค้าอะไรบ้างที่มี Statiegeld ไม่ใช่ขวดทุกใบมี Statiegeld ค่ะ อย่างขวดแก้ว เช่น ขวดไวน์ เวลาซื้อไม่มีเงินมัดจำ…
ระบบประกันสุขภาพของเนเธอร์แลนด์
เป็นพระราชบัญญัติประกันสุขภาพ หรือที่เรียกว่า de Zorgverzekeringswet (Zvw) ค่ะ ที่ระบุว่าทุกคนที่อาศัยหรือทำงานอยู่ในเนเธอร์แลนด์ “ต้อง” ทำประกันสุขภาพ ดังนั้นทุกคนจึงมีสิทธิในการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานทางสุขภาพ ที่เรียกว่า basispakket หลักการทั่วไปของพระราชบัญญัติประกันสุขภาพ ระบบการรักษาพยาบาลของเนเธอร์แลนด์ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเท่าเทียมกันค่ะ ดังนั้นไม่ว่าจะรวยจะจน เด็กหรือผู้ใหญ่ คนสุขภาพดีหรือป่วย ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันในการได้รับการรักษาในแบบเดียวกันในราคาที่ย่อมเยาจากแพ็คเกจประกันสุขภาพขั้นพื้นฐาน โดยทุกคนต้องทำประกันสุขภาพผ่านบริษัทประกัน และจ่ายเบี้ยประกันและภาษี เนเธอร์แลนด์ไม่มีรักษาฟรีค่ะ แต่ที่ดูเหมือนฟรี ก็เพราะทุกคนถูกบังคับให้ต้องทำประกันสุขภาพและจ่ายเบี้ยประกันทุกเดือน เนื้อหาโดยทั่วไปของพระราชบัญญัติประกันสุขภาพนี้คือ โครงสร้างพื้นฐานทางสุขภาพ (basispakket) ประกอบด้วยอะไรบ้าง แปลง่ายๆ คือสิทธิในการเข้าถึงการรักษาเบื้องต้นเวลาป่วยน่ะค่ะ ซึ่งคนที่ทำประกันทุกคน (ซึ่งก็คือคนในเนเธอร์แลนด์ทุกคน) จะได้รับคือ หากดูในรายการ basispakket ที่เราจะได้รับ ก็ดูครอบคลุมในปัญหาทางสุขภาพแทบทุกอย่างแล้วค่ะ แต่บางคนอาจต้องการจะทำประกันให้ครอบคลุมเพิ่มขึ้น เรียกว่า Aanvullende verzerkering เช่น ประกันสุขภาพสำหรับสุขภาพสายตา (ตัดแว่นสายตา เป็นต้น) หรือประกันสุขภาพดูแลช่องปาก ตรงนี้เราก็สามารถทำประกันเพิ่มได้ตามสมัครใจค่ะ คราวนี้มาดูเรื่องค่าใช้จ่ายบ้างค่ะ เพราะการทำประกันสุขภาพ และจ่ายเบี้ยประกันทุกเดือน ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะรักษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายอีกแล้วนะคะ ยังมีส่วนที่เราต้องร่วมจ่ายอยู่ค่ะ เพื่อให้เข้าใจถึงค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากเบี้ยประกันรายเดือน เราต้องรู้จัก 2 คำนี้ค่ะ คือ eigen risico และ eigen bijdragen ปี 2023 วิตามินดี ไม่อยู่ในรายการ basispakket อีกต่อไป Eigen risico คือค่ารักษาส่วนที่เราต้องจ่ายค่ะ เหมือนเราจ่ายสมทบค่ารักษาตัวเราเองน่ะค่ะ …ถึงแม้เราจะทำประกันสุขภาพและจ่ายเบี้ยรายเดือนทุกเดือนแล้วก็ตาม …แต่ถ้าเราป่วย และไปหาหมอ…
Nieuwe zzp-wet
zzp ย่อมาจาก Zelfstandige Zonder Personeel หรือก็คือ ผู้ประกอบการอิสระ กิจการที่มีผู้ประกอบการคนเดียว ไม่มีลูกจ้าง หรือฟรีแลนซ์ นั่นเอง zmp ย่อมาจาก Zelfstandige met personeel หรือ กิจการที่มีผู้ประกอบการคนเดียวเป็นเจ้าของ แต่มีลูกจ้าง ความเป็นมาของกฎหมายใหม่ กฎหมายใหม่นี้มีชื่อว่า De Wet deregulering beoordeling arbeidsrelaties (ย่อว่า DBA) แปลว่า พระราชบัญญัติการประเมินความสัมพันธ์ในการจ้างงาน จริงๆ แล้ว นี่ไม่ใช่กฎหมายใหม่ค่ะ มีการประกาศใช้มาตั้งแต่ปี 2016 แต่ไม่มีการบังคับใช้อย่างจากจริงจัง เนื่องจากปัญหาเรื่องการพิสูจน์ความแตกต่างของการเป็นฟรีแลนซ์และการเป็นลูกจ้างไม่ชัดเจน กฎหมายตัวนี้เลยเลื่อนบังคับใช้เรื่อยมา จนกระทั่งวันที่ 1 มกราคม ปีหน้า รัฐบาลประกาศว่าจะบังคับใช้จริงๆ จังๆ ค่ะ เจตนารมณ์ของกฎหมาย DBA เนื่องจากจำนวนผู้จดทะเบียนเป็นฟรีแลนซ์ (zzp) เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากสถิติของสำนักงานสถิติแห่งเนเธอร์แลนด์พบว่าปี 2023 มีจำนวนผู้จดทะเบียนเป็น zzp’er และ zmp’er กว่า 1.2 ล้านคน คิดเป็น 13 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนผู้ทำงานทั้งหมดในประเทศ zzp’ers กว่า 1 ล้านคน ในจำนวน 1.2 ล้านที่จดทะเบียนเป็น zzp มีรายได้จากการเสนอให้บริการต่างๆ หรือใช้แรงงานค่ะ มีเพียงกลุ่มน้อยที่ขายสินค้าหรือวัตถุดิบ คราวนี้เนี่ย การเป็นฟรีแลนซ์แปลว่า…
เที่ยวงานวัดฝรั่ง Kermis & Roze maandag
เมื่อวันจันทร์ที่ 20 กรกฏาคม 2015 ออยได้มีโอกาสไปเที่ยวงานวัดที่เมือง Tilburg ค่ะ เลยเอารูปมาฝาก เมือง Tilburg เป็นเมืองใหญ่ (ใหญ่ของดัตช์คือมีประชากรมากกว่า 100,000 คน) อยู่ใกล้ๆ กับ Eindhoven ค่ะ ประชากรใน Tilburg จะน้อยกว่า Eindhoven ค่ะ แต่ออยมีความรู้สึกว่า Tilburg จะดูมีสีสัน มีชีวิตชีวามากกว่า Eindhoven ออยเคยมาเมือง Tilburg หลายครั้งแล้วค่ะ เพราะพี่ชายของสามีอยู่ที่เมืองนี้ แต่เพิ่งจะมีโอกาสร่วมงานใหญ่ประจำเมืองก็ครั้งนี้ ในงานนี้มีสองงานอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันค่ะ คือ Kermis คล้ายๆ งานวัดน่ะค่ะ เป็นงานเทศกาล จัดในใจกลางเมืองเลย ไม่ต้องกลัวหลง นั่งรถไฟก็มองเห็นแล้ว จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 17-26 กรกฏาคม ค่ะ และในช่วงเวลานั้น วันจันทร์ที่ 20 กรกฏาคม ก็มีงานชื่อ “Roze maandag”ค่ะ จัดในสถานที่เดียวกัน งาน Kermis ที่ Tilburg นี่จัดว่าใหญ่ที่สุดในประเทศเนเธอร์แลนด์ บวกเบลเยี่ยม รวมลักเซมเบิร์ก ไปด้วยเลยค่ะ เป็นงานที่ยิ่งใหญ่แห่งปีของเมืองนี้เลย ส่วน Roze maandag เป็นงานปาร์ตี้ของชาวรักร่วมเพศค่ะ ธีมของงานคือแต่งกายด้วยสีชมพู (Roze = สีชมพู) งานนี้เป็นที่รู้จักกันทั่วไปของชาวรักร่วมเพศในเนเธอร์แลนด์ค่ะ หลายคนมาจากต่างเมือง ที่ไกลๆ เพื่อมางานนี้…
